หัวใจเต้นผิดจังหวะในผู้สูงอายุ อันตรายหรือแค่อ่อนแรง? เข้าใจให้ถูกเพื่อป้องกันทันเวลา
79 views | 14/04/2025
หัวใจเต้นผิดจังหวะในผู้สูงอายุ อันตรายแค่ไหน?
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Cardiac Arrhythmia) เป็นภาวะที่หัวใจเต้นเร็วเกินไป ช้าเกินไป หรือเต้นไม่สม่ำเสมอ ซึ่งอาจพบได้มากในผู้สูงอายุ เนื่องจากการเสื่อมของระบบการนำไฟฟ้าหัวใจตามอายุ รวมถึงโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เป็นต้น
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตทั่วโลก และ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเกิดร่วมกับภาวะ กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ผู้สูงอายุจึงเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับการดูแลและเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
สาเหตุของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะในผู้สูงอายุ
- ความเสื่อมของเซลล์นำไฟฟ้าหัวใจ
เมื่ออายุมากขึ้น เซลล์ที่ควบคุมการเต้นของหัวใจเสื่อมลง ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้ง่ายขึ้น - ผลข้างเคียงของยา หรือการใช้ยาหลายชนิดร่วมกัน
ผู้สูงอายุมักใช้ยาหลายตัวร่วมกัน ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าหัวใจ - โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
โรคเหล่านี้ส่งผลต่อหลอดเลือดหัวใจโดยตรง เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ - กล้ามเนื้อหัวใจหนา หรือหัวใจโตจากโรคประจำตัว
กล้ามเนื้อหัวใจที่หนาหรือโตขึ้นทำให้ระบบการนำไฟฟ้าผิดปกติ จนหัวใจเต้นผิดจังหวะ - ขาดโพแทสเซียมหรือแมกนีเซียม
แร่ธาตุเหล่านี้มีบทบาทสำคัญต่อการส่งสัญญาณของหัวใจ หากขาดจะเพิ่มความเสี่ยง
อาการที่ควรสังเกต
- ใจสั่น หัวใจเต้นแรงผิดปกติ
ผู้ป่วยจะรู้สึกหัวใจเต้นเร็วหรือแรงผิดปกติ จนรับรู้ได้ชัดเจน - เวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม
เนื่องจากเลือดสูบฉีดไม่สม่ำเสมอ ทำให้สมองได้รับออกซิเจนน้อยลง - แน่นหน้าอก อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
หัวใจทำงานผิดปกติ ส่งผลให้ร่างกายไม่มีพลังงานเพียงพอ - หายใจลำบาก หรือหายใจเร็วผิดปกติ
เป็นผลจากหัวใจที่ไม่สามารถส่งเลือดไปยังปอดและร่างกายได้ดี - หมดสติแบบกะทันหัน
กรณีรุนแรง หัวใจหยุดเต้นกะทันหันทำให้หมดสติทันที ควรรีบช่วยเหลือ
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
- ลิ่มเลือดอุดตัน (Stroke) โดยเฉพาะชนิด AF (Atrial Fibrillation)
เป็นชนิดที่หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ทำให้เลือดไหลเวียนผิดปกติ เกิดลิ่มเลือดได้ง่า - หัวใจล้มเหลว (Heart Failure)
หัวใจไม่สามารถบีบตัวได้ดีพอ ทำให้ร่างกายขาดเลือดและออกซิเจน - หมดสติ หรือเกิดอุบัติเหตุจากการล้ม
เมื่อหัวใจเต้นผิดปกติ จะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอจนผู้ป่วยหมดสติ - เสียชีวิตแบบเฉียบพลัน หากไม่ได้รับการรักษา
หากหัวใจหยุดเต้นทันที และไม่ได้รับการช่วยชีวิต อาจเสียชีวิตทันที
แนวทางการดูแลและฟื้นฟูในผู้สูงอายุ
- ดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิด
ตรวจวัดชีพจร ความดัน และติดตามสัญญาณชีพทุกวันโดยเจ้าหน้าที่ - วางแผนการรับประทานยาให้ตรงเวลา
การกินยาให้ตรงเวลาและถูกต้องช่วยควบคุมอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้ - ควบคุมอาหารอย่างเหมาะสม
ลดไขมันอิ่มตัว น้ำตาล และโซเดียม พร้อมเพิ่มอาหารที่ดีต่อหัวใจ - ส่งเสริมกิจกรรมเบา ๆ เป็นประจำ
เช่น การเดินเล่น หรือฝึกหายใจ เพื่อให้หัวใจได้ออกแรงอย่างเหมาะสม - สนับสนุนด้านจิตใจและอารมณ์
พูดคุย รับฟัง และจัดกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียดให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย
บทความที่คุณอาจสนใจ
หลักสำคัญในการเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เพื่อให้คนที่คุณรักได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด
24 views | 29/08/2025
หยุดความรุนแรงในบ้าน: ผู้ป่วยอัลไซเมอร์หงุดหงิดง่าย ต้องดูแลอย่างไร?
62 views | 29/07/2025
5 อาหารต้องเลี่ยง ขวางการฟื้นตัวผู้ป่วยสโตรก – รู้ไว้ช่วยฟื้นฟูเร็วขึ้น
56 views | 07/07/2025
โรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุ ภัยเงียบที่มักถูกมองข้าม
81 views | 27/06/2025
สโตรกในผู้สูงอายุ ทำไม 72 ชั่วโมงแรกหลังเกิดเหตุถึงสำคัญที่สุดในการดูแล?
120 views | 16/06/2025