ภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยเจาะคอที่ควรรู้ก่อนเกิดเหตุฉุกเฉิน
ภาวะแทรกซ้อนจากท่อเจาะคอที่ครอบครัวต้องรู้ ก่อนจะเกิดเหตุฉุกเฉิน
การดูแลผู้ป่วยที่มี ท่อเจาะคอ (tracheostomy) เป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับครอบครัว เพราะหากขาดความรู้ความเข้าใจ อาจนำไปสู่เหตุฉุกเฉินที่เป็นอันตรายต่อชีวิตผู้ป่วยได้ จากรายงานของโรงพยาบาลรามาธิบดี พบว่าครอบครัวหลายแห่งยังไม่มั่นใจในการดูแลผู้ป่วยเจาะคอที่บ้าน ทำให้ผู้ป่วยบางรายต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนานขึ้นเนื่องจากญาติยังกังวลและเตรียมตัวไม่พร้อม ทั้งที่ในต่างประเทศมีผู้ป่วยต้องได้รับการเจาะคอใหม่ปีละหลายหมื่นราย การเตรียมพร้อมและเข้าใจภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากท่อเจาะคอ
ผู้ดูแลควรรู้ว่าภาวะแทรกซ้อนใดบ้างที่พบบ่อยในผู้ป่วยเจาะคอ เพื่อจะได้สังเกตอาการและป้องกันเหตุร้ายได้ทันท่วงที งานวิจัยทางการแพทย์ระบุว่า การติดเชื้อที่แผลเจาะคอ เกิดขึ้นประมาณ 6% ของผู้ป่วยที่ใส่ท่อเจาะคอ ส่วนภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ก็พบได้เช่นกัน ดังนี้:
- ท่อหลุดหรือเลื่อนหลุด: ท่อหลอดลมคออาจพลัดหลุดออกจากตำแหน่ง โดยเฉพาะหากสายรัดไม่แน่นหรือระหว่างที่ผู้ป่วยไอรุนแรง หากท่อหลุดจะทำให้ทางเดินหายใจของผู้ป่วยตีบแคบทันที ผู้ดูแลจำเป็นต้องแจ้งแพทย์หรือพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาลโดยด่วน เพราะรูเจาะคอสามารถปิดตัวอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่นาที
- ท่ออุดตันจากเสมหะ: เสมหะที่ข้นเหนียวสามารถอุดตันภายในท่อเจาะคอ ทำให้ผู้ป่วยหายใจไม่สะดวก มีอาการหายใจลำบากหรือ หอบเหนื่อย แม้พยายามไอหรือได้รับการดูดเสมหะแล้วก็ตาม หากเกิดการอุดตันที่ไม่สามารถแก้ได้ทันที ผู้ป่วยอาจเสี่ยงต่อภาวะขาดออกซิเจนซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
- แผลเจาะคอติดเชื้อ: บริเวณแผลรอบ ๆ รูเจาะคออาจเกิดการติดเชื้อได้ ผู้ป่วยจะมีอาการแผลบวมแดง เจ็บปวด มีหนอง หรือมีไข้สูง การติดเชื้อสามารถลุกลามกลายเป็นติดเชื้อในทางเดินหายใจหรือปอดอักเสบได้ ซึ่งต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะและการดูแลแผลที่ถูกวิธี
- ภาวะเลือดออก: อาจเกิดเลือดออกที่รูเจาะคอหรือภายในท่อ หากมีเลือดออกปริมาณเล็กน้อยอาจเกิดจากการระคายเคือง แต่ถ้าเลือดออกมากผิดปกติ อาจบ่งชี้ถึงการบาดเจ็บของหลอดเลือดในลำคอ ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาโดยเร็ว
การเตรียมพร้อมและป้องกันเหตุฉุกเฉิน
เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉิน ครอบครัวควรดำเนินการดังต่อไปนี้:
- เรียนรู้วิธีดูแลท่อเจาะคออย่างถูกต้อง: ญาติและผู้ดูแลควรได้รับการฝึกสอนจากแพทย์หรือพยาบาลเกี่ยวกับการทำความสะอาดท่อ การดูดเสมหะ และการเปลี่ยนสายรัดท่อ วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและการอุดตันของท่อ งานวิจัยหนึ่งพบว่าการให้ความรู้แก่ครอบครัวก่อนผู้ป่วยกลับบ้านช่วยลดอัตราการเกิดเหตุฉุกเฉินได้จริง
- เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินให้พร้อม: ควรมีอุปกรณ์จำเป็นอยู่ใกล้มือเสมอ เช่น เครื่องดูดเสมหะ, สายดูดสำรอง, ท่อเจาะคอสำรองที่มีขนาดเหมาะสม, ถุงช่วยหายใจ (Ambu bag) และเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินของแพทย์หรือโรงพยาบาล การเตรียมพร้อมเช่นนี้ทำให้สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันท่วงทีหากเกิดเหตุไม่คาดคิด
- สังเกตอาการผิดปกติของผู้ป่วย: ผู้ดูแลต้องหมั่นตรวจสอบสภาพผู้ป่วยเป็นระยะ หากพบอาการไอมีเสมหะมากขึ้น, หายใจลำบากขึ้น, มีไข้, หรือมีเลือดออกที่รูเจาะคอ ต้องรีบปรึกษาแพทย์ จากการสำรวจในโรงพยาบาล พบว่าการเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิดช่วยให้แพทย์สามารถรักษาภาวะแทรกซ้อนได้เร็ว ลดความรุนแรงของเหตุฉุกเฉินลง
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือใช้บริการสถานดูแล: หากครอบครัวรู้สึกไม่มั่นใจในการดูแลผู้ป่วยเจาะคอที่บ้าน ปัจจุบันมี ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และ เนอร์สซิ่งโฮม ที่มีทีมแพทย์และพยาบาลวิชาชีพคอยดูแลผู้ป่วยติดเตียงและผู้ป่วยที่มีท่อเจาะคอตลอด 24 ชั่วโมง การได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้ผู้ป่วยปลอดภัย และญาติรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น
บทส่งท้าย: การเข้าใจภาวะแทรกซ้อนจากท่อเจาะคอและเตรียมความพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินเป็นหัวใจสำคัญในการดูแลผู้ป่วยเจาะคอที่บ้าน แม้การดูแลผู้ป่วยที่มีท่อเจาะคอจะเป็นเรื่องท้าทาย แต่ด้วยความรู้ที่ถูกต้องและการสนับสนุนที่เหมาะสม ครอบครัวสามารถช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีและปลอดภัยมากขึ้น ลดโอกาสเกิดเหตุร้ายแรงลงอย่างมีนัยสำคัญ
บทความที่คุณอาจสนใจ
โรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุหลงๆลืมๆ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา
ไขความลับวิธีการสื่อสารกับผู้สูงอายุที่มีภาวะซึมเศร้า
วิธีสร้างกำลังใจให้ผู้สูงอายุที่กำลังป่วย
อย่าปล่อยให้ผู้สูงอายุล้ม เพราะอาจเกิดปัญหาต่างๆตามมา