เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุ

การดูแลผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุ นับว่าเป็นเรื่องของความละเอียดอ่อน นอกจากเรื่องที่ต้องมีความรู้เรื่องการดูแลผู้ป่วยเบื้องต้น ยังจะต้องมีเรื่องความทุ่มเท การเอาใจใส่ และเรื่องความพร้อมด้านร่างกายจิตใจของผู้ที่ดูแลอีกด้วย เตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ วัน

สิ่งที่ต้องดูแลผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุ

1. การรับประทานอาหาร

ผู้ดูแลจะต้องทราบดีเรื่องโภชนาการที่เหมาะสมแก่ผู้ป่วย หรือ ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้ ผู้ดูแลจะต้องจัดอาหารให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามหลักโภชนาการแต่ละวันที่ผู้ป่วยสมควรที่จะได้รับ ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และวิตามิน การรับประทานอาหารที่ครบถ้วน ถูกหลักโภชนาการจะช่วยเรื่องการฟื้นฟู เสริมสร้างร่างกาย และป้องกันการขาดสารอาหารได้ 

2. สุขอนามัยและการทำความสะอาด

ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุบางราย ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือไม่สามารถลุกไปอาบน้ำแบบคนทั่วไปได้ จำเป็นมากที่ผู้ดูแลจะต้องเช็ดตัวผู้ป่วยเพื่อทำความสะอาดร่างกาย และช่องปากอย่างสม่ำเสมอ โดยการใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดตัวให้ทั่วตัวของผู้ป่วย หรือหากบางรายยังสามารถพอลุกขึ้นเดินได้ ก็ใช้วิธีการพยุงพาเดินไปที่ห้องน้ำ แล้วให้นั่งที่เก้าอี้อาบน้ำ จากนั้นช่วยอาบอย่างระมัดระวังได้

3. การกายภาพบำบัด

ผู้ป่วยที่มีสภาวะติดเตียง ไม่สามารถขยับร่างกายเองได้ ก็จะมีปัญหาเรื่องสุขภาพร่างกายตามมา เช่น กล้ามเนื้อและข้อพับต่างๆ ที่หยุดการใช้งานนานๆ ทำให้เกิดภาวะเนื้อลีบและข้อติด ผู้ดูแลจึงจำเป็นต้องทำกายภาพบำบัดให้ผู้ป่วย ควรผู้ดูแลควรจะมีความรู้และความเชี่ยวชาญในส่วนนี้ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเพื่อทำกายภาพในท่าที่ถูกต้องและเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคน

4. สภาพจิตใจของผู้ป่วย

เรื่องสุขภาพจิตใจ ถือเป็นเรื่องสำคัญ หากผู้ป่วยสุขภาพจิตดี ได้กำลังใจที่ดี ก็จะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูเร็วตามไปด้วย โดยการหากิจกรรมต่างๆ ให้ผู้ป่วยอารมณ์ดี คลายความทุกข์และความเศร้าในใจ หาหนังสือที่ช่วยฟื้นฟูจิตใจอ่านให้ฟัง หรือพาออกไปสูดอากาศข้างนอกบ่อยๆ ให้พบปะกับผู้คนอื่นๆ บ้าง ก็จะช่วยได้

การเตรียมตัวด้านร่างกายและจิตใจของผู้ดูแล

1. ทำความเข้าใจกับผู้ป่วย

ผู้ดูแลจะต้องมีการทำความเข้าใจผู้ป่วยก่อนอันดับแรก หากต้องดูแลผู้ป่วยที่มีอาการความจำเสื่อม หรือมีอาการป่วยทางจิต อาจจะทำให้หงุดหงิดหรือหมดแรงได้ง่าย จะต้องฝึกความอดทนและเข้าใจต่อสภาพของผู้ป่วยก่อน หากมองว่าผู้ป่วยต้องการความรัก การดูแลเอาใจใส่ จะทำให้ช่วยลดความเครียดลงได้ 

2. ศึกษาการดูแลผู้ป่วยเบื้องต้น

ผู้ดูแลจะต้องมีความรู้พื้นฐานสักเล็กน้อยก่อนดูแลผู้ป่วย โดยสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือทำตามคำแนะนำของแพทย์ประจำตัวผู้ป่วยได้ จะต้องรู้เรื่องที่ผู้ป่วยควรระมัดระวังเรื่องอะไรบ้าง และผู้ป่วยควรจะต้องทำอะไร หรือรับประทานอะไรเพื่อเป็นการส่งเสริมและฟื้นฟูผู้ป่วยให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น 

3. การขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น

คุณไม่ต้องเผชิญกับการรับภาระด้านการดูแลผู้ป่วยนี้เพียงผู้เดียว การขอความช่วยเหลือผู้อื่นเช่น ครอบครัวให้มาช่วยสลับดูแลบ้างไม่ใช่เรื่องที่ผิด หาเวลาให้ตัวเองได้ไปผ่อนคลายบ้าง รวมถึงการใช้บริการจากพยาบาลหรือผู้เชี่ยวชาญในด้านการดูแลผู้ป่วยด้วย หรือโทรปรึกษาแพทย์รวมถึงผู้เชี่ยวชาญเพื่อแลกเปลี่ยนคำแนะนำดีๆ จากผู้ที่มีประสบการณ์ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน

4. การดูแลตัวเอง 

การดูแลตัวเองถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ก่อนที่คุณจะไปดูแลผู้อื่นแล้วจะเอาพลังด้านบวกไปให้ เราจะต้องหาพลังด้านบวกให้ตัวเองก่อน หาเวลาว่างๆ ให้ตัวเองบ้าง คุณจะต้องมีเวลาพักผ่อน ออกกำลังกาย และได้ทำในสิ่งที่ตัวเองผ่อนคลาย หรือ ชอบ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ห้ามละเลยในการดูแลสุขภาพตนเองเด็ดขาด เพราะไม่อย่างนั้น คุณก็จะดูแลผู้อื่นไม่ได้ประสิทธิภาพตามมา

การดูแลผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุ เป็นเรื่องที่ต้องทุ่มเททั้งร่างกาย จิตใจ และเวลาของผู้ดูแล ซึ่งไม่ใช่แค่หน้าที่เท่านั้น แต่ผู้ดูแลต้องเตรียมตัวให้พร้อมในหลายๆ ด้าน รวมถึงอุปกรณ์ในการดูแลผู้ป่วยด้วย อีกทั้งเรื่องการจัดการอารมณ์ และการจัดชุดความคิดของผู้ดูแลเองก็สำคัญไม่แพ้กัน การขอความช่วยเหลือจากครอบครัวไม่ใช่เรื่องที่ผิด สลับกันมาดูแลบ้าง แล้วคุณก็หาเวลาไปผ่อนคลายบ้าง หรือหากต้องการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถติดต่อได้ที่ @mylucknursinghome มายลักษณ์เนอร์สซิ่งโฮม พร้อมดูและคนที่คุณรักด้วยความเอาใจใส่ และพยาบาลคอยดูแลผู้ป่วยอยู่ตลอด 24 ชม.